หนง-ไซ-อ-ว-วานร-ผ-พทกษ
Saturday, 12 February 2022
  1. Hardy
  2. กริยา 3 ช่อง 200 คํา พร้อมคำอ่าน คำแปล: หลักการอ่านคำกริยาปกติที่เติม -ed
  3. คํา ศัพท์ ที่ เติม éd. 1958
  4. การเติม ed ท้ายคำกริยา ภาษาอังกฤษ
  5. คำที่ลงท้ายด้วย -ed ออกเสียงอย่างไรกันแน่ ???
  1. ไฟ หน้า อั ล ติ ส 2008
  2. คํา ศัพท์ ที่ เติม éd. unifiée
  3. กริยา 3 ช่อง 200 คํา พร้อมคำอ่าน คำแปล: หลักการอ่านคำกริยาปกติที่เติม -ed
  4. กล่อง ข้อความ การ์ตูน น่า รัก
  5. นก แก้ว โม่ง อินเดีย ราคา

กฎการเติม ed หลักการเติม ed ที่ท้ายคำกริยา (verb) ภาษาอังกฤษ (เมื่อทำเป็นคำกริยาช่องที่ 2 และช่องที่ […] กฎการเติม ed หลักการเติม ed ที่ท้ายคำกริยา (verb) ภาษาอังกฤษ (เมื่อทำเป็นคำกริยาช่องที่ 2 และช่องที่ 3 หรือใช้เพื่อทำหน้าที่อื่น ตามหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ) 1. คำกริยาที่มีพยัญชนะท้ายคำ ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป เติม ed ได้เลย เช่น attack สามารถเติม -ed เป็น > attacked walk สามารถเติม -ed เป็น > walked 2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้เติม d ได้เลย เช่น Invite เป็น invited Love เป็น loved Like เป็น liked 3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed เช่น Carry เป็น carried Marry เป็น married Try เป็น tried *ข้อยกเว้น การเติม ed ถ้าหน้า y เป็นสระ ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i แต่สามารถเติม ed ได้เลย เช่น Enjoy สามารถเติม -ed ได้เลย เป็น enjoyed Play สามารถเติม -ed ได้เลย เป็น played 4. คำกริยาที่มีสระตัวเดียว และพยัญชนะสะกดตัวเดียวลงท้าย ต้องทำการเพิ่มตัวสะกดตัวนั้นไปอีก 1 ตัว ก่อนทำการเติม ed เช่น Stop เพิ่มตัวสะกดตัวสุดท้าย 1 ตัว แล้วเติม ed เป็น stopped Beg เพิ่มตัวสะกดตัวสุดท้าย 1 ตัว แล้วเติม ed เป็น begged *ยกเว้น box ทำการเติม -ed ได้เลย เป็น boxed 5.

Hardy

คำกริยาที่เปลี่ยนรูปเป็นอดีตกาล ที่อยู่นอกเหนือกฎการเติมด้วยed (irregular verbs) ซึ่งมีรูปแบบที่แน่นอน ( ดูเพิ่มเติม ในกริยา3ช่อง) ตัวอย่างเช่น sleep –> slept sit –> sat run –> ran ***ไม่ว่าจะเป็นคำกริยาแบบไหนขอเพียงเราใช้ความรู้สึกถึงช่วงเวลาที่เราต้องการจะสื่อ แล้วเลือกโครงสร้างที่สื่อถึงช่วงเวลานั้นใส่เข้าไป(ไม่ใช่เพียงท่องจำเพียงอย่างเดียว) เราก็จะสามารถสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาติและอย่างเข้าใจ เช่น หากพูดกริยาวิ่ง ถ้าเราต้องการสื่อถึงการวิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ให้รู้สึกถึง ran เลย แทนการนึกถึง run แล้วก็มาเปลี่ยนเป็น ran เราก็จะสมารถใช้คำกริยาให้เหมาะกับกาลได้อย่างเข้าใจและไม่ผิด